5 แนวคิดที่จะเปลี่ยนการใช้ชีวิตของเรา
ที่มาของหัว แนวคิดที่จะเปลี่ยนการใช้ชีวิตของเรานี้ เริ่มจากผมได้ไปอ่านเจอบทความ บทความนึงของ คุณ Kittisak Phetrungnapha ซึ่งเขาได้ไปเจอบทความที่ต่างประเทศอีกรอบนึงแล้วนำมาแปลและแชร์ให้เพื่อน ๆ คนไทยที่ไม่เก่งด้านภาษาได้อ่านกัน ซึ่งสำหรับผม ถือเป็นบทความที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก ชื่อเต็มของบทความนี้ที่แปลเป็นภาษาไทยมีชื่อว่า “15 แนวคิดที่จะเปลี่ยนชีวิตคุณไปตลอดกาล ภายใน 5 นาที” แต่ผมจะยกมาแค่ 5 แนวคิดที่ผมสนใจเป็นพิเศษนะครับ ส่วนที่เหลือถ้ามีคนสนใจก็แนะนำให้ไปตามอ่านกันเอาเองนะครับ เพราะผมเชื่อว่าแต่ละคนที่ได้อ่านไปก็จะได้ความหมายที่แตกต่างกัน มุมมองที่แตกต่างกันไปของแต่ละสังคม สิ่งแวดล้อมที่เติบโตกันมา เอาล่ะมาเริ่มกันเลยนะครับ คนรักสุขภาพต้อง ชีวิตสุขสันต์
5 แนวคิดในการใช้ชีวิตที่จะเปลี่ยนชีวิตคุณไปตลอดกาล
1.ถ้าคุณดูแลสุขภาพตัวเองไม่ได้ คุณก็ไม่สามารถดูแลอะไรได้เลย
เนื้อหาในส่วนขยายคือ ในชีวิตนี้ ไม่ว่าคุณจะชอบหรือไม่ก็ตาม แต่คุณก็รู้อยู่เต็มอกว่า คนเราไม่สามารถที่จะควบคุมร่างกายเราให้ได้ดั่งใจ 100% เต็ม ทำได้ดีสุดก็แค่ กินอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกาย และอย่าใช้ร่างกายตัวเองหักโหมจนเกินไป พักผ่อนเสียบ้าง และไม่ใช่ว่าทำแค่ไม่กี่วันแล้วเลิก แต่ควรจะทำเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอด้วย ถ้าบอกว่า “เวลา” ไม่สามารถเอากลับคืนมาได้ “สุขภาพ” ก็คงไม่ต่างกันเท่าไหร่หรอกเนอะ” สำหรับข้อนี้ผมเห็นด้วยมาก ๆ เลยครับ ถ้าขนาดตัวเราเองยังดูแลไม่ดีเลย ไม่รักตัวเองแล้วเราจะไปดูแลคนอื่นหรือเรื่องต่าง ๆ ได้อย่างไรกัน
2.ปัญหาต่าง ๆ ก็เป็นแค่คำถามที่ยังหาคำตอบไม่เจอ
เนื้อหาในส่วนขยายคือ ผมไม่เข้าใจว่าทำไมเวลาคนเราชอบตื่นตระหนกเวลาเจอปัญหาใหญ่ ๆ บางคนก็บอกว่า “มันเลวร้ายที่สุด ตั้งแต่เคยเจอมาในชีวิตแล้ว” ทุกครั้ง ๆ ที่เราใส่ความคิดเครียด ๆ แบบนี้ ก็เหมือนกับการบั่นทอนชีวิตของเราเองไปเรื่อย ๆ จนพังทลายลงไปในที่สุด ให้เราคิดแบบนี้แทนว่า” “ปัญหามันก็แค่คำถามธรรมดาของชีวิต หรืออาจจะยากบ้าง ที่ยังหาคำตอบไม่เจอก็เท่านั้นเอง ให้เราใช้สติ พยายามหาคำตอบของคำถามเหล่านั้น ก็เท่านั้นเอง” ข้อนี้สำหรับผมก็มีความน่าสนใจไม่น้อย เพราะทุกคนต้องเคยเจอเคยผ่านปัญหามาก่อน ซึ่งแต่ละคนอาจผ่านมาอย่าง ง่ายมาก ยากมาก เหนื่อยบ้าง ท้อบ้าง แต่ถ้าเราเปลี่ยนวิธีคิดแบบที่เขาคิดกันละ สำหรับผมคือมันใช่ มุมมองก็จะต่างกันไปเลย
3.จงเลือกที่จะมีความสุขอยู่ตลอดเวลาเนื้อหาในส่วนขยายคือ มีเพียงตัวคุณเองเท่านั้นที่ควบคุมความคิดของตนเองได้ ซึ่งมันส่งผลกับสิ่งที่คุณจะทำต่อไปในภายภาคหน้า ถ้าคุณเลือกที่จะไม่พอใจ โกรธ สิ้นหวัง นั่นแหละ คือ ตัวคุณเองในอนาคต บางครั้งคนเราก็มีความคิดที่ว่า “ฉันไม่สามารถมีความสุขได้ ฉันต้องรวย ซื้อรถหรู ๆ ขับ มีบ้านหลังใหญ่ ๆ อยู่” แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่เลย คุณสามารถที่จะมีความสุขได้ในทุก ๆ ขณะของช่วงชีวิต มันขึ้นอยู่กับมุมมองชีวิตของคุณเองต่างหาก ว่าเลือกที่จะมองมันแบบไหน สำหรับข้อนี้ผมก็อยากแนะนำมาก ๆ ครับ เพราะบางครั้งเรามองในด้านไม่ดีเกินไปจนเราระแวงคนอื่นไปหมด ทำให้เราคิดฟุ้งซ่านมากไป เหนื่อยเกินไป เลยอยากให้มองในมุมมองดี ๆ บ้าง เปลี่ยนวิธีคิดใหม่
4.ถ้าอยากเพิ่มความมั่นใจในตัวเอง จงหมั่นฝึกฝน
เนื้อหาในส่วนขยายคือ ถ้าคุณรู้สึกไม่มั่นใจในสิ่งที่ทำเมื่อไหร่ ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม อย่าไปเสียเวลามากกับการหาแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตจากที่อื่น เช่น หนังสือ โพส talk เป็นต้น ให้จำไว้เลยว่า การที่คุณจะมีความมั่นใจในการทำสิ่งใด ๆ มันเกิดจากเรียนรู้ ลงมือทำ วิเคราะห์ผลลัพธ์ นำมาปรับปรุงแก้ไข หลังจากนั้นก็วนลูปแบบเดิมไปเรื่อย ๆ ซึ่งต้องใช้เวลาพอสมควร เพราะความมั่นใจนั้นมันจะค่อย ๆ เติบโตอย่างช้า ๆ ทุกวัน นั่นเอง ข้อนี้ก็แนะนำสำหรับคนที่ยังไม่มั่นใจในตัวเองนะครับ ลองเปลี่ยนวิธีคิด ไม่ต้องหาตัวช่วยมาผลักดันเรา เราจงหมั่นทำซ้ำ ๆ จนสามารถทำได้แบบสบายดูครับ
5.อย่าเชื่อในทุกสิ่งที่เห็น
มนุษย์เราใช้ชีวิตอยู่ในโลกที่ต้องการมีชื่อเสียงโด่งดัง ได้รับยอมรับจากคนอื่น ซึ่งพวกเขาก็จะพยายามแสดงออกมาในสิ่งที่เราอยากเห็น หรือทำให้เขาดูดี เพราะฉะนั้นแล้วอย่าเชื่อในทุก ๆ เรื่องราวความสำเร็จของคนอื่นที่คุณได้พบเจอมา ไม่ว่าจะเป็น YouTubers, นางแบบต่าง ๆ ใน Instagram, เศรษฐีเงินล้านจากการทำธุรกิจ มันก็จริงอยู่ที่ว่า พวกเขาเหล่านั้นดูดี ไร้ที่ติ แต่จริง ๆ แล้วคุณมองเห็นแต่เพียงภายนอกเท่านั้น แต่คุณก็ห้ามไปมองพวกเขาในแง่ร้ายนะ แค่อย่าสนใจกับเปลือกนอกมากจนเกินไปก็พอ สำหรับข้อนี้ก็อิงปัจจุบันได้เลย เราอย่าหมกหมุ่นกับสิ่งที่คนอื่นโชว์มากเกินไป มันอาจไม่จริงทั้งหมด ยิ่งเราหมกหมุ่น บางครั้งจะทำให้ตัวเราเอง รู้สึกอิจฉา หรือรู้สึกน้อยใจได้ ซึ่งมันส่งผลเสียต่อเราแน่นอน
จบกันไปแล้วนะครับสำหรับแนวคิดที่จะเปลี่ยนการใช้ชีวิตเรา นี้แค่ยกมา 5 เรื่องเองนะครับ ยังมีความน่าสนใจขนาดนี้ ส่วนที่เหลือผมอยากให้ไปตามอ่านกันเองครับ เพราะแต่ละคนน่าจะได้ความหมายแต่ละมุมมอง ขอบคุณครับ
