
ดูแลผิวหน้าอย่างไรให้ได้ผลลัพธ์เต็มสิบ !! (ภาค 2)
หลังจากที่เราได้ปกป้องผิวจากมลภาวะกันไปแล้วในการดูแลผิวหน้าในช่วงเช้า หลังจากที่เราได้ผ่านทำกิจกรรมต่าง ๆ มามากมาย กลับบ้านมาเราก็ต้องมาทำการดูแลปรนนิบัติผิวต่อในช่วงค่ำกันแบบจัดเต็มกันไปเลยจ้า วันนี้ ชีวิตสุขสันต์ จะพามาดู
การดูแลผิวหน้าในช่วงค่ำ: เน้นบำรุงฟื้นฟูแบบจัดเต็ม
STEP 1: การเช็ดเครื่องสำอาง
ก่อนอื่นเลยหลังจากกลับมาถึงบ้านก็เริ่มทำการเช็ดเครื่องสำอางด้วยผลิตภัณฑ์ Makeup Remover กันก่อนเลย เพื่อลดการเกิดสิ่งสกปรกอุดตันของเครื่องสำอางที่เราใช้ในแต่ละวัน ซึ่งสามารถเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับการดูแลผิวหน้าของเรากันได้เลยค่ะ

www.canva.com
STEP 2: การล้างหน้าเพื่อดูแลผิวบอบบาง
เมื่อเช็ดเครื่องสำอางเรียบร้อยแล้วเราก็มาถึงขั้นตอนของการทำความสะอาดผิวหน้าเพื่อกำจัดสิ่งสกปรกอุดตัน ฝุ่นและมลภาวะต่าง ๆ ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมะกับผิว ไม่ทำให้ผิวของเรานั้นแห้งตึงจนเกินไป

www.canva.com
STEP 3: การผลัดเซลล์ผิวเพื่อดูแลผิวหน้าทุกมิติ
การผลัดเซลล์ผิว หรือ Pad Peeling เป็นเคล็ดลับผิวสวยที่สาว ๆ เกาหลีบอกต่อกันมาสำหรับดูแลผิวหน้า โดยการนำสำลีมาชุบกับโทนเนอร์แปะไว้บนผิวหน้าเพื่อผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไป ช่วยให้ผิวกระจ่างใสมากยิ่งขึ้น แต่วิธีนีไม่จำเป็นต้องทำบ่อยนะคะ ทำแค่สัปดาห์ละ 2 – 3 ครั้ง ส่วนใครที่ผิวบอบบางทำแค่สัปดาห์ละครั้งก็พอจ้า

STEP 4 : โทนเนอร์เพื่อดูแลผิวหน้าให้สะอาด
เป็นการเตรียมผิวหน้าก่อนการทาครีมบำรุง เพื่อให้ครีมบำรุงต่าง ๆ ซึมซาบเข้าผิวได้ดียิ่งขึ้น

www.canva.com
STEP 5: เอสเซนส์
เปิดฉากการบำรุงด้วยเอสเซนส์ หรือที่เราเรียกกันติดปากว่าน้ำตบนั่นเอง เพื่อช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นให้และผิวและกระตุ้นการหมุนเวียนโลหิต ช่วยให้ผิวกระจ่างใสมากยิ่งขึ้น

www.canva.com
STEP 6: ครีมแต้มสิว / ครีมลดริ้วรอย
หลายคนเข้าใจผิดคิดว่าต้องลงขั้นตอนสุดท้ายแต่ไม่ใช่เลย ต้องลงตั้งขั้นตอนนี้เลยค่ะ แล้วค่อยลงครีมบำรุงในขั้นตอนต่อไป

www.canva.com
STEP 7: เซรั่ม
เป็นการบำรุงผิวที่ล้ำลึกขึ้นไปอีกขั้น และจะต้องเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับผิวของเรามากที่สุดว่าผิวเรามีปัญหาในเรื่องใด เช่น รูขุมขนกว้าง ริ้วรอยต่าง ๆ เป็นต้น

www.canva.com
STEP 8: การมาสก์หน้าแบบแผ่น (Sheet Mask)
เป็นการช่วยเพิ่มความชุ่มชื่น อิ่มน้ำให้แก่ผิว เพื่อให้ผิวเราแลดูสุขภาพดีมากยิ่งขึ้น แนะนำให้ใช้แผ่นมาสก์ที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นแก่ผิวเพื่อไม่ให้หนักหน้าจนเกินไป

www.canva.com
STEP 9: การบำรุงใต้ตา (Eye Cream) เพื่อดูแลผิวหน้ารอบดวงตาให้ปัง
สิ่งที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งที่มองข้ามไปไม่ได้เลยคือดวงตา เพราะเป็นหน้าต่างของดวงใจ สำหรับหลาย ๆ คนปัญหารอบดวงตา คือสิ่งที่แก้ยากไขสุด ๆ ดังนั้นเราควรทาครีมบำรุงเฉพาะสำหรับรอบดวงตาเพื่อลดการเกิดปัญหาริ้วรอยรอบดวงตา และเพื่อเพิ่มความสดใสให้กับดวงตาอีกด้วย

www.canva.com
STEP 10: มอยเจอร์ไรเซอร์
เป็นการบำรุงอย่างล้ำลึกขึ้นไปอีกขั้นเพื่อผิวที่ชุ่มชื่น อิ่มน้ำ แต่ก็ควรเลือกมอยเจอร์ไรเซอร์ที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำมันเพื่อลดการอุดตัน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาสิวตามมานั่นเอง

www.canva.com
STEP 11: สลีปปิ้ง มาสก์
เป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในการกักเก็บความชุ่มชื่นให้แก่ผิว ช่วยทำให้ผิวเนียนนุ่ม ชุ่มชื่นมากยิ่งขึ้น และยังสามารถช่วยให้ผิวเรียบเนียนมากขึ้นอีกด้วยนะ

www.canva.com
STEP 12: ลิปมาสก์
เดินทางกันมาถึงขั้นตอนสุดท้ายก่อนนอนกันแล้วนะคะ นั่นก็คือการทาลิปมาสก์โบกหนา ๆ ไปเลยค่ะ เพื่อเพิ่มให้ริมฝีปากที่ชุ่มชื่น เนียนนุ่มนั่นเอง

www.canva.com
หลังจากบำรุงผิวกันมาอย่างเต็มอิ่มกันแล้ว ก็อย่าลืมบำรุงผิวกันจากภายในกันด้วยนะคะไม่ว่าจะเป็นการดื่มน้ำเยอะ ๆ รับประทานผักผลไม้ที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอ ดูแลผิวหน้า ตัวเองตลอด เพียงเท่านี้เราก็จะมีผิวที่สวยสดใสเปล่งประกายจากภายในสู่ภายนอกกันแล้วค่ะขอขอบคุณข้อมูลดี ๆ จาก : https://www.cosmenet.in.th/