ตอนเด็ก ๆ ตากุ้งยิงเป็นโรคที่คนไทยมีความคุ้นเคย และเมื่อเป็นจะโดนแซวว่าไปแอบดูคนโป๊มา แต่เมื่อโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่จึงรู้ว่าเป็นเพียงแค่ความเชื่อที่กล่าวกันเพื่อความสนุกสนาน แต่จริง ๆ แล้วข้อมูลทางวิชาการบอกว่าตากุ้งยิงเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย หรืออาจจะมีการอุดตันของต่อมบริเวณเปลือกตาก่อน แล้วเกิดการติดเชื้อวันนี้ผู้เขียนจะขอนำเสนอการรักษาอาการเบื้องต้นด้วยไอน้ำจากความร้อน จะเป็นอย่างไรไปอ่านกันเลยค่ะ
สาเหตุที่ทำให้เกิดติดเชื้อจึงนำพาให้เป็นตากุ้งยิง

- เปลือกตาไม่สะอาดมักเกิดจากการขยี้ตาบ่อย ๆ
- ใช้เครื่องสำอาง แล้วล้างออกไม่หมดหรือล้างไม่สะอาด
- ใส่หรือถอดคอนแทคเลนส์ด้วยมือที่ไม่สะอาด
ดังนั้นผู้ที่เป็นตากุ้งยิงควรหมั่นล้างมือให้สะอาดบ่อย ๆ งดใช้เครื่องสำอางชั่วคราวหลีกเลี่ยงการใส่คอนแทคเลนส์ และที่สำคัญต้องรักษาความสะอาดเป็นอย่างดีที่สุด
อาการและการรักษาตากุ้งยิงเบื้องต้น

อันดับแรกจะมาด้วยอาการปวดหนังตา กลอกตาหรือหลับตาก็มีอาการปวด มีอาการบวมและเป็นก้อนที่เปลือกตา ในบางคนมีหนองในเปลือกตาด้วย
การรักษาตากุ้งยิงสามารถประคบด้วยผ้าชุบน้ำอุ่นหรือไข่ต้มสุก ห่อผ้าสะอาดบริเวณที่เป็นวันละ 3 – 4 ครั้ง ครั้งละประมาณ 15 – 20 นาที เป็นเวลา 3 – 4 วันเพื่อช่วยลดอาการบวม เจ็บ และเป็นการทำให้รูเปิดของต่อมเปลือกตาไม่อุดตันในขณะทำการประคบให้หลับตาไว้
การรักษาตากุ้งยิงด้วยไอน้ำ

การรักษาตากุ้งยิงด้วยไอน้ำเป็นวิธีเก่าแก่และดั้งเดิม มีวิธีการรมไอน้ำดังนี้
- ใช้น้ำสะอาดประมาณ 1 ลิตร ต้มให้เดือด
- นำผ้าผืนเช็ดตัวผืนค่อนข้างใหญ่พอคลุมศีรษะและหม้อน้ำได้มิดชิดเพื่อป้องกันไอน้ำระเหยออกสู่ภายนอก
- เอาผ้าคลุมศีรษะกับหม้อน้ำที่ต้มจนเดือด ค่อย ๆ เปิดฝาหม้อออกให้ไอน้ำรมที่ตา ในขณะที่ศีรษะอยู่ในผ้าคลุม เวลาเปิดฝาหม้อต้มน้ำ ต้องระมัดระวังค่อย ๆ แง้มออกทีละน้อยเพื่อป้องกันไม่ให้ไอน้ำพุงเข้าตา และอย่าเข้าใกล้จนเกินไป
- รมจนหม้อน้ำหมดไอน้ำ ทำเช่นนี้วันละ 4 ครั้ง หรือเมื่อรู้สึกเคืองตา จะทำให้อาการดีขึ้น
ตากุ้งยิงคือเป็นฝีชนิดหนึ่งความร้อนจะทำให้ฝียุบหายไป เพราะความร้อนจะช่วยให้เลือดที่ผิวหนังไหลเวียนมากขึ้นกว่าเดิมถึง 3 เท่า เลือดที่ไหลเวียนนี้จะช่วยลดอาการอักเสบและนำเม็ดเลือดขาวจำนวนมากมาจัดการกับเชื้อแบคทีเรีย ที่เป็นตัวการทำให้เกิดตากุ้งยิง เมื่อซื้อโรคถูกกำจัด การอักเสบจะลดลง ทำให้ตากุ้งยิงหายในที่สุด
เพื่อความปลอดภัยหากมีอาการปวดตามากหรือหนองอักเสบมาก ควรไปพบแพทย์เพื่อจะได้รับคำแนะนำที่ถูกต้องและจะได้รับยามารับประทานเพื่อบรรเทาอาการลดได้ อ่านบทความที่น่าสนใจ ชีวิตสุขสันต์