ทุเรียนราชาแห่งผลไม้เมืองไทย
ทุเรียนปลูกขึ้นที่เมืองไทย เพราะเมืองไทยของเราเป็นดินแดนแห่งความอุดมสมบูรณ์อย่างแท้จริง มีพืชพันธุ์ธัญหารนานาชนิดถือว่าเป็นตัวชี้วัดหนึ่งที่ดีมากที่สามารถออกผลให้รับประทานกันตลอดทั้งปี และแต่ละอย่างก็มีทั้งความหลากหลายทางสายพันธุ์และปริมาณด้วย และเมืองไทยเราก็มีสุดยอดผลไม้ที่ชื่นชอบแต่บางคนก็ไม่ชอบเลยด้วยมีกลิ่นเป็นเอกลักษณ์ ผลไม้ชนิดนี้มีชื่อว่าทุเรียน ที่ถูกขนานนามว่าเป็นราชาแห่งผลไม้เมืองไทย มารู้จักกับทุเรียนมากขึ้นกับบทความนี้ได้เลยค่ะ
- ทุเรียนราชาแห่งผลไม้เมืองไทย
ทุเรียน (Durian) เป็นราชาแห่งผลไม้เมืองไทยที่มีเปลือกเป็นหนาม เนื้อสีเหลืองทองกับรสชาติเฉพาะตัวที่ไม่เหมือนกับผลไม้ใด ๆ ในโลก อีกทั้งกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ บางคนก็ว่าเหม็นและบางคนก็ว่าหอม อีกทั้งในช่วงฤดูกาลของทุเรียนนี้ ราชาผลไม้เนื้อแน่นรสหวานมันก็จะมีราคาสูงขึ้นไปตามพันธุ์และขนาด หากเราทานในปริมาณที่มากเกินไปก็จะให้โทษแก่ร่างกายได้ เพราะเป็นผลไม้ที่มีไขมันและน้ำตาลสูง สิ่งเหล่านี้จึงทำให้ตัวร้อน แต่จริง ๆ แล้วมีประโยชน์ต่อสุขภาพไม่แพ้ผลไม้ชนิดอื่น ๆ
- ชื่อของทุเรียนมีความเป็นมาอย่างไร
แต่รู้ไหมคะว่าในความจริงแล้วเป็นผลไม้ที่คุ้นเคยกันดีของคนที่อาศัยอยู่ในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คำว่าทุเรียน (durian) มาจากภาษามาลายูคือคำว่า duri (หนาม) ทุเรียนเป็นพืชพื้นเมืองของบรูไน อินโดนีเซีย และมาเลเซีย มีรสชาติกลมกล่อมคล้ายอาลมอนด์ให้ความรู้สึกดี แต่บางทีรสชาตินี้ทำให้นึกถึงครีมชีส, ซอสหัวหอม เป็นต้น
- ทุเรียนเป็นสมุนไพรชนิดหนึ่ง
ในทางการแพทย์แผนไทย สรรพคุณสมุนไพรของทุเรียนในทุก ๆ ส่วนถือว่าเป็นผลไม้ที่มีสรรพคุณทางยา สามารถนำมาใช้ประโยชน์กับร่างกายได้สำหรับใบ รสขมเย็นฝาดเฝื่อน ช่วยแก้ไข้ แก้ดีซ่าน ขับพยาธิ เนื้อทุเรียนมีรสหวานร้อน ให้ความร้อนแก้โรคผิวหนังทำให้ฝีแห้งและขับพยาธิ เปลือกทุเรียนรสฝาดเฝื่อน ใช้สมานแผลแก้น้ำเหลืองเสียพุพอง แก้ฝีตานซาง คุมธาตุ แก้คางทูม และไล่ยุงและแมลง รากรสฝาดขมใช้แก้ไข้และแก้ท้องร่วง
- ทุเรียนแปรรูปเป็นอะไรได้บ้าง
สามารถนำไปแปรรูปและทำอาหารได้หลากหลายชนิด เช่น ทุเรียนกวน, กรอบ, แยม แม้แต่อาหารคาว เช่น นำทุเรียนอ่อนมาทำแกงได้ จากสรรพคุณทางยาและการนำมาประกอบอาหารคาวหวาน สำหรับเปลือกที่ตากแห้งเมื่อนำมาบดละเอียดหรือเผาจนเป็นถ่านแล้วนั้น สามารถนำมาทำเป็นถ่านอัดแท่งจากเปลือก
- พันธุ์ของทุเรียนที่ได้รับความนิยมในเมืองไทย
ในเมืองไทยเรานิยมปลูกกันมากมี 4 พันธุ์ ซึ่งมีลักษณะดังนี้
1. กระดุม ผลจะมีขนาดค่อนข้างเล็ก น้ำหนักประมาณ 1 กิโลกรัม ผลมีลักษณะค่อนข้างกลมด้านหัวและด้านท้ายผลค่อนข้างป้าน ก้นผลบุ๋มเล็กน้อย หนามเล็กสั้นและถี่ ขั้วค่อนข้างเล็กและสั้น ลักษณะของพูเต็มสมบูรณ์ ร่องพูค่อนข้างลึก เนื้อละเอียดอ่อนนุ่มสีเหลืองอ่อน เนื้อค่อนข้างบาง รสชาติหวานไม่ค่อยมัน เละง่ายเมื่อสุกจัด เมล็ดมีขนาดใหญ่
2. ชะนี ผลมีขนาดปานกลางถึงใหญ่ น้ำหนักประมาณ 2.5 – 3 กิโลกรัม ผลมีรูปทรงหวดกล่าวคือ กลางผลป่อง หัวเรียว ก้นตัด ร่องพูค่อนข้างลึกเห็นได้ชัด ขั้วผลใหญ่และสั้น เนื้อละเอียด สีเหลืองจัดเกือบเป็นสีจำปา ปริมาณมาก รสชาติหวานมัน เมล็ดค่อนข้างเล็กและมีจำนวนเมล็ดน้อย
3. หมอนทอง ผลมีขนาดใหญ่ น้ำหนักประมาณ 3 – 4 กิโลกรัม ทรงผลค่อนข้างยาวมีบ่าผล ปลายผลแหลม พูมักไม่ค่อยเต็มทุกพู หนามแหลมสูง ฐานหนามเป็นเหลี่ยม ระหว่างหนามใหญ่จะมีหนามเล็กวางแซมอยู่ทั่วไป ซึ่งเรียกหนามชนิดนี้ว่า เขี้ยวงู ก้านผลใหญ่แข็งแรง ช่วงกลางก้านผลจนถึงปากปลิงจะอ้วนใหญ่เป็นทรงกระบอก เนื้อหนาสีเหลืองอ่อนละเอียด เนื้อค่อนข้างแห้งไม่แฉะติดมือ รสชาติหวานมัน เมล็ดน้อยและลีบเป็นส่วนใหญ่
4. ก้านยาว ผลมีขนาดปานกลาง น้ำหนักประมาณ 3 กิโลกรัม ทรงผลกลมเห็นพูไม่ชัดเจน พูเต็มทุกพู หนามเล็กถี่สั้นสม่ำเสมอทั้งผล ก้านผลใหญ่และยาวกว่าพันธุ์อื่นๆ เนื้อละเอียดสีเหลืองหนาปานกลาง รสชาติหวานมัน เมล็ดมากค่อนข้างใหญ่ บทความจาก ล็อตโต้สด Lottosod888 เว็บแทงหวยออนไลน์
